1 กุมภาพันธ์ 2554

Lecture#10 - 1 Feb 2011

Functional Information System
ระบบที่แต่ละหน่วยงานหรือแต่ละ Function ขององค์กรสร้างขึ้นมา หรือไปซื้อมาเนื่องจาก
1.       ความต้องการแตกต่างกัน
2.       ความคุ้มค่าของการลงทุนไม่แน่นอน คิดค่าเป็นตัวเลขออกมาลำบาก
3.       ความสามารถในการตัดสินใจ และ Control ที่เสียไป หากต้องใช้ Infrastructure ที่เป็นส่วนรวมของบริษัท
แต่มีข้อเสียคือ ข้อมูลของแต่ละฝ่ายจะแยกกัน ทำให้อาจมีข้อมูลซ้ำซ้อน และอาจเสียงบประมาณเยอะ ค่าดูแลรักษาเยอะ

Tracking System
เช่นบริษัท UPS ใช้ระบบสารสนเทศในการ Track สินค้าว่า สินค้าอยู่ที่ไหน ต้องส่งไปที่ไหน และหากมีการส่งสินค้าผิดที่อยู่ ก็สามารถ Track ได้ว่าขณะนี้สินค้าไปอยู่ที่ไหน

Enterprise Systems
            ช่วยให้หน่วยงานในองค์กรสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ ใช้ฐานข้อมูลจากแหล่งเดียวกัน เมื่อมีข้อมูลอะไรเข้ามาในองค์กร หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลก็จะทำให้ทุกฝ่ายสามมารถอัพเดตข้อมูลในองค์กรได้ เช่น บริษัทที่มีลูกค้าของบริษัท  โรงงานผลิตสินค้า Warehouse การบริการลูกค้า ฯลฯ ที่อยู่ในประเทศที่ต่างกัน จำเป็นต้องมีระบบที่ดีที่ช่วยทำให้ข้อมูลสามารถ Flow ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้จะมีระบบสารสนเทศที่สามารถลิงค์ข้อมูลกับ Supply Chain ได้
1.       ERP : ระบบที่จัดการบริหารงานภายในองค์กรให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานได้ราบรื่นที่สุด เช่น SAP
แต่ละองค์กรเมื่อซื้อมาใช้จะต้องปรับให้เข้ากับองค์กร เพราะแต่ละองค์กรไม่เหมือนกัน แต่หลักที่ทุกบริษัทต้องมี คือ Accounting, Financing,  Marketing
2.       CRM : ซอฟแวร์ที่ใช้ในการดูแลลูกค้า หาลูกค้า
3.       Knowledge Management System : ใช้ในการบริหารความรู้ในองค์กร เก็บข้อมูลต่างๆ
4.       Supply Chain Management : การบริหาร Supply Chain เพื่อส่งสินค้าให้ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ดูว่าต้องส่งรถออกไปกี่โมง ระยะทางเท่าไหร่ ซึ่งช่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทราบความต้องการของลูกค้า เพื่อให้เรามีสินค้าเพียงพอที่จะให้ลูกค้าสามารถซื้อได้
5.       Decision Support System เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยในการตัดสินใจ เช่น หา Trend ต่างๆ
6.       Business Intelligence เช่น Data-mining, Text-mining, OLAP ซึ่งมีคุณค่าต่อองค์กรเป็นอย่างมาก

Supply Chain
กว่าที่วัตถุดิบในการผลิตสินค้าจะมาถึงบริษัท วัตถุดิบเหล่านั้นจะมาจาก Supplier ซึ่งจะมาจาก Sub-Supplier อีก หลายขั้น ซึ่งระบบจะช่วยให้เราสามารถระบุ Relation และเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อนำมา Share, Connect ข้อมูลร่วมกัน และทำให้เกิดประโยชน์กับบริษัทได้ เช่น กรณี สินค้าต่ำกว่า Stock ที่มีอยู่ Wal-Mart จะมีระบบที่ส่งข้อมูลไปยังบริษัท Supplier ให้ส่งสินค้ามายังบริษัทได้ทันเวลา จะช่วยให้เราเตรียมการ, Forecast ได้ง่ายขึ้น เช่น จะผลิตเท่าไหร่ ผลิตเมื่อไหร่ แล้วยังทำให้ต้นทุนสินค้าลดลง การเก็บ Inventory ลดลง การส่งสินค้าก็ลดต้นทุนลงด้วย ช่วยในการลดความเสี่ยง และทำให้กำไรเพิ่มขึ้นได้

Warehouse Management System (WMS)
ระบบที่ใช้ในการบริหาร Warehouse เช่น บริษัทควรมีมีของในคลังเท่าไหร่ควรมีสินค้าอะไรบ้าง การเข้าออกของสินค้ามากน้อยแค่ไหน ใช้พื้นที่ในการเก็บของได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะตั้งสินค้าที่จุดไหน

Fleet Management System
ระบบที่ใช้ในการส่งของ เช่น การส่งขิงที่ต้องต่อรถหลายๆที่ ก็จะมีการ Check Point แต่ละจุดว่ามีของถึงแต่ละที่จำนวนเท่าไหร่ เพื่อให้ของไปถึงจุดหมายอย่างครบถ้วน สามารถเช็คได้ว่าของชิ้นนี้ต้องส่งไปที่ไหน เมื่อไหร่ และสามารถตรวจสอบได้ว่าของไปถึงจุดหมายแล้ว

Vehicle Routing and Planning
นอกจากนี้ยังมีระบบที่บอกได้ว่ารถขนส่งต้องวิ่งไปทางไหน เพื่อให้ประหยัดน้ำมัน หรือรถที่ต้องวิ่งส่งของหลายๆที่ จะต้องวิ่งไปทางไหน เพื่อให้วิ่งได้ครบทุกที่และใช้ระยะทางน้อยที่สุด

Vehicle Based System
ระบบนี้จะใช้ GPS/GPRS เพื่อบอกว่ารถอยู่ที่ไหนแล้ว

Trend of Supply Chain Management
1.       Connectivity : มีการเชื่อมต่อกัน เพราะปัจจุบัน Network กระจายไปทั่ว ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และรวดเร็วขึ้น ซึ่งในอนาคตจะพัฒนาความเร็วเพิ่มขึ้นไปได้อีก และสามารถใช้  Access Point ได้หลายตัวมากขึ้น
2.       Advanced Wireless : Voice & GPS : ปัจจุบันเครื่องใช้เป็นแบบ Multi-tasking สามารถนำมา Adapt ใช้ในการ Control Supply Chain ได้
3.       Speech Recognition เริ่มมีการใช้การสั่งงานด้วยเสียงมากขึ้น เช่น intermec.com เริ่มพัฒนาสินค้าที่ใช้สั่งการด้วยเสียงมากขึ้น เพราะทำให้ผู้ใช้มีความสะดวกมากขึ้น
4.       Digital Imaging การถ่ายรูปแล้วสามารถส่งข้อมูลไปยังบริษัทได้เลย เช่น บริษัทประกัน ส่งรูปภาพ ข้อมูล ใบเสร็จไปให้บริษัท และยังสามารถส่งข้อมูลให้กับลูกค้าได้ด้วยอีกชุดนึง
5.       Portable เช่น บริษัทประกัน ส่งรูปภาพ ข้อมูล ใบเสร็จไปให้พิมพ์บริษัท และยังสามารถส่งข้อมูลให้กับลูกค้าได้ด้วยอีกชุดนึง
6.       2D & Other Barcoding Advances
7.       RFID เป็นชิพตัวเล็กๆที่ฝังอยู่ในบัตร หรือสินค้า หรืออาจใช้กับการเช็คสต็อกในโกดังได้ ช่วยให้ทราบว่ามีของเข้าออกเท่าไหร่ และสามารถ Trackได้ด้วย ซึ่งมีความสำคัญมากกับ Supply Chain ซึ่ง RFID มี 2 แบบคือ Passive และ Active
8.       Real Time Location System; RTLS บอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในองค์กร เช่นรู้ว่าพนักงานอยู่ตรงไหนแล้ว หรือสินค้าอยู่ตรงไหน จะแสดงตำแหน่งและเวลาจริงในขณะนั้น
9.       Remote Management ระบบช่วยในการจัดการระยะไกลได้
10.    Security เนื่องจากการมีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นได้ทางด้าน IT จึงต้องมีการป้องกันความปลอดภัยที่เหมาะสม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น